We use cookies, including cookies from third parties, to enhance your user experience and the effectiveness of our marketing activities. These cookies are performance, analytics and advertising cookies, please see our Privacy and Cookie policy for further information. If you agree to all of our cookies select “Accept all” or select “Cookie Settings” to see which cookies we use and choose which ones you would like to accept.
คำถาม 1. อะไรคือความแตกต่างระหว่างการระบายอากาศตามธรรมชาติและการระบายอากาศแบบกลไกทางกล
การระบายอากาศตามธรรมชาติ (Natural Ventilation - NV) หมายถึงการระบายอากาศโดยใช้ความแตกต่างของแรงดันเพื่อสร้างกระแสลม ซึ่งอาจทำได้อย่างรวดเร็วด้วยการเปิดหน้าต่างหรือประตูเพื่อให้อากาศหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม ในโลกยุคใหม่ NV มีข้อเสียบางประการ เช่น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปที่จะเปิดประตูหรือหน้าต่างในพื้นที่เมือง เนื่องจากปัญหาเรื่องความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และเสียงรบกวน นอกจากนั้น มลภาวะทางอากาศก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางการระบายอากาศตามธรรมชาติ นอกเหนือจากปัจจัยเหล่านี้แล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยลังเลที่จะใช้การระบายอากาศตามธรรมชาติก็คือ การสูญเสียพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาว ผู้อยู่อาศัยสามารถนำอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่อาคารโดยใช้การระบายอากาศแบบกลไกทางกล พร้อมทั้งลดการสูญเสียพลังงาน
รูปนี้อธิบายความแตกต่างระหว่างการระบายอากาศโดยนำพลังงานกลับมาใช้และการระบายอากาศตามธรรมชาติ การระบายอากาศตามธรรมชาติอาจทำให้มีการสูญเสียพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาว
รูปที่ 1 การเปรียบเทียบระหว่างการระบายอากาศตามธรรมชาติและการระบายอากาศโดยนำพลังงานกลับมาใช้
*ตัวกรองอากาศ (หมายเลขรุ่น AHFT035H0 ทดสอบประสิทธิภาพด้วยการทดสอบตัวกรองอากาศ ISO 16890-1:2016 โดยใช้ละออง DEHS และ KCl ที่มีสภาวะอัตราการไหลของอากาศ 0.278m/s, อุณหภูมิอากาศ 23-24 C และความชื้นสัมพัทธ์ 44-49% ผลลัพธ์ที่ได้คือ ISO ที่ ePM1 75% ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม
คำถาม 2. การระบายอากาศแบบกลไกทางกลมีกี่ประเภท
การระบายอากาศแบบกลไกทางกลมีสามประเภท ได้แก่ การระบายอากาศแบบดูดเข้า การระบายอากาศแบบดูดออก และการระบายอากาศแบบสมดุล การระบายอากาศแบบดูดเข้าสร้างการแลกเปลี่ยนอากาศเพิ่มเติมโดยใช้พัดลมดูดอากาศเข้ามาในอาคาร พัดลมดังกล่าวจะเพิ่มแรงดันอากาศภายในอาคาร ทำให้เกิดแรงเพิ่มมากขึ้นสำหรับการดันอากาศออกจากห้อง ห้องต่างๆ เช่น ห้องที่ใช้เป็นห้องไอซียูใช้การระบายอากาศแบบดูดเข้าเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากพื้นที่ใกล้เคียง การระบายอากาศแบบดูดออกจะสร้างปริมาณอากาศเพิ่มเติมโดยใช้พัดลมเพื่อเป่าอากาศออกจากห้อง พัดลมจะลดแรงดันอากาศภายในอาคาร ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงที่ดึงอากาศเข้ามาในห้อง ระดับมลภาวะไม่เท่ากันทุกที่ภายในอาคาร ในบางห้อง เช่น ห้องส้วม ใช้การระบายอากาศแบบดูดออกเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของกลิ่น ส่วนการระบายอากาศแบบสมดุลใช้พัดลมสองตัว ตัวหนึ่งดูดอากาศเข้ามาและอีกตัวดูดอากาศออกไปในปริมาณเท่ากัน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อแรงดันอากาศเฉลี่ยภายในบ้าน การระบายอากาศแบบสมดุลให้ข้อดีในการควบคุมตำแหน่งของทั้งการระบายอากาศแบบดูดออกและการระบายอากาศแบบดูดเข้า นอกจากนี้ การระบายอากาศแบบสมดุลยังช่วยให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างลมออกและลมเข้า เพื่อปรับสภาพอากาศที่เข้ามา ระบบระบายอากาศแบบสมดุล พร้อมอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน มักอยู่ในรูปแบบของ Heat-Recovery Ventilator (HRV) หรือ Energy-Recovery Ventilator (ERV)
คำถาม 3. อะไรคือความแตกต่างระหว่าง HRV และ ERV
ความแตกต่างที่สำคัญคือ HRV ถ่ายเทความร้อน ขณะที่ ERV ถ่ายเททั้งความร้อนและความชื้น ERV ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนแบบเดียวกันกับ HRV ทั้งยังมีเทคโนโลยีสำหรับการถ่ายเทความชื้นระหว่างกระแสลม ERV ใช้กระบวนการที่เรียกว่า "การถ่ายเทแบบเอนทาลปี" เพื่อแยกไอน้ำออกจากกระแสลมชื้นและเพิ่มเข้าไปในกระแสอากาศที่แห้งกว่า ในฤดูร้อน ความชื้นจะถูกดึงออกจากอากาศที่เข้ามาและถูกปล่อยเข้าสู่กระแสลมที่ส่งออก ซึ่งช่วยลดผลกระทบของความชื้นภายนอกที่มีต่อสภาพแวดล้อมภายในอาคาร ในฤดูหนาว กระบวนการนี้จะกลับกัน และจะช่วยรักษาระดับความชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศภายในอาคารแห้งเกินไป
รูปภาพเปรียบเทียบแนวคิดการแลกเปลี่ยนความร้อนของ HRV และ ERV
รูปที่ 2 แนวคิดการแลกเปลี่ยนความร้อนของ HRV เทียบกับ ERV
สิ่งที่สร้างความแตกต่างระหว่างตัวแลกเปลี่ยนความร้อนเหล่านี้คือวัสดุที่ใช้ กล่าวคือ HRV ประกอบด้วยอลูมิเนียมและโพลิโพรพิลีนเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ ERV ประกอบด้วยกระดาษและส่วนประกอบอื่นๆ ซึ่งอย่างหลังมีประสิทธิภาพสูงกว่า เนื่องจากสามารถนำความร้อนแฝงที่มักจะถูกทิ้งไปกลับคืนมา
คำถาม 4. สามารถประหยัดพลังงานได้มากแค่ไหนด้วยการใช้ ERV ขณะที่รับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก
ERV มีกลไกการแลกเปลี่ยนความร้อนที่ช่วยประหยัดพลังงานในการทำความเย็นและการทำความร้อนระหว่างการระบายอากาศ นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนความร้อนแล้ว ERV ของ LG ยังมีฟังก์ชั่นต่างๆ (การทำความเย็นอิสระในเวลากลางคืน, การทำงานตามฤดูกาลโดยอัตโนมัติ, การหยุดทำงานชั่วคราว, การจัดการ CO2 อัตโนมัติ) ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น การใช้ LG ERV ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าการระบายอากาศตามธรรมชาติถึง 40%
คำถาม 5. ทำไมการระบายอากาศด้วย LG ERV จึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มนุษย์พยายามออกแบบที่อยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสอดคล้องกับสภาพอากาศและลักษณะทางภูมิศาสตร์ของสภาพแวดล้อม โดยธรรมชาติแล้ว ความสะดวกสบายถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของสถาปัตยกรรม และได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสำหรับบ้านเรือนของเรา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ด้วยการจัดหาสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ปลอดภัย สะอาด และมีการระบายอากาศอย่างทั่วถึง ได้กลายเป็นเรื่องสำคัญเพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การระบายอากาศถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อมที่ถูกสุขลักษณะภายในอาคาร ผู้อยู่อาศัยในอาคารจะเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายและความปลอดภัย ซึ่งเป็นผลมาจากการระบายอากาศที่เพียงพอ ลองพิจารณาการออกแบบอาคารโดยติดตั้งระบบ
LG ERV ที่ให้อากาศบริสุทธิ์และสะอาดกว่า พร้อมทั้งประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
คำถาม 6. เป็นไปได้หรือไม่ที่จะรักษาอากาศภายในอาคารให้ดีต่อสุขภาพด้วยการใช้ ERV
LG ERV ทำหน้าที่ระบายอากาศ และส่งมอบอากาศที่ดีต่อสุขภาพให้กับพื้นที่ภายในอาคารโดยผ่านตัวกรองอากาศที่ช่วยขจัดสารอันตรายต่างๆ เช่น ฝุ่นละอองและจุลินทรีย์ในอากาศ นอกจากนี้ยังสามารถใส่ตัวกรองเพิ่มเติมเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย มีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะผลักดันการดำเนินการในส่วนนี้ และในปัจจุบัน มีการใช้ตัวกรองอากาศตามมาตรฐาน ISO สำหรับ ERV & ERV DX ผลการทดสอบตามมาตรฐาน ISO 16890-1 แสดงให้เห็นว่าตัวกรองอากาศภายนอก (OA) ที่ใช้ได้กับ ERV ในปัจจุบันนั้นเทียบเท่ากับ MERV 14 หรือ F8 สำหรับการเปรียบเทียบ
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มนุษย์พยายามออกแบบที่อยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสอดคล้องกับสภาพอากาศและลักษณะทางภูมิศาสตร์ของสภาพแวดล้อม โดยธรรมชาติแล้ว ความสะดวกสบายถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของสถาปัตยกรรม และได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสำหรับบ้านเรือนของเรา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ด้วยการจัดหาสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ปลอดภัย สะอาด และมีการระบายอากาศอย่างทั่วถึง ได้กลายเป็นเรื่องสำคัญเพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การระบายอากาศถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อมที่ถูกสุขลักษณะภายในอาคาร ผู้อยู่อาศัยในอาคารจะเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายและความปลอดภัย ซึ่งเป็นผลมาจากการระบายอากาศที่เพียงพอ ลองพิจารณาการออกแบบอาคารโดยติดตั้งระบบ LG ERV ที่ให้อากาศบริสุทธิ์และสะอาดกว่า พร้อมทั้งประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
*ผลิตภัณฑ์และโซลูชันอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศและสภาพการใช้งาน
กรุณาคลิกแบนเนอร์ 'สอบถามเพื่อสังซื้อ' ด้านล่างเพื่อติดต่อสำนักงาน LG ท้องถิ่นสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันและผลิตภัณฑ์