คำถามที่พบบ่อยที่สุด 6 ข้อเกี่ยวกับ ERV

คำถามที่พบบ่อยที่สุด 6 ข้อเกี่ยวกับ ERV

04/20/2022

แบ่งปันเนื้อหานี้ คุณสามารถแบ่งปันรายการที่คุณชอบกับเพื่อนของคุณ

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมากใช้เวลาอยู่ที่บ้านหรือภายในอาคารเพิ่มมากขึ้น ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปนี้ทำให้เราต้องใส่ใจมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพของอากาศ และนำไปสู่คำถามที่ว่า เพราะเหตุใดการระบายอากาศจึงมีความจำเป็นต่อการรักษาคุณภาพที่ดีของอากาศภายในอาคาร อากาศภายในอาคารประกอบด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และก๊าซที่เป็นอันตราย ซึ่งเกาะติดอยู่กับวัสดุก่อสร้าง เครื่องตกแต่งภายใน และเฟอร์นิเจอร์ ฝุ่นละอองภายในอาคารสามารถขจัดได้ด้วยเครื่องฟอกอากาศ แต่สารอันตรายอื่นๆ ต้องระบายออกผ่านทางระบบระบายอากาศ LG นำเสนอโซลูชั่นการระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อจัดการกับสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ดังกล่าว และด้านล่างนี้คือคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโซลูชั่นการระบายอากาศโดยนำพลังงานกลับมาใช้ (Energy Recovery Ventilation)

คำถาม 1. อะไรคือความแตกต่างระหว่างการระบายอากาศตามธรรมชาติและการระบายอากาศแบบกลไกทางกล

การระบายอากาศตามธรรมชาติ (Natural Ventilation - NV) หมายถึงการระบายอากาศโดยใช้ความแตกต่างของแรงดันเพื่อสร้างกระแสลม ซึ่งอาจทำได้อย่างรวดเร็วด้วยการเปิดหน้าต่างหรือประตูเพื่อให้อากาศหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม ในโลกยุคใหม่ NV มีข้อเสียบางประการ เช่น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไปที่จะเปิดประตูหรือหน้าต่างในพื้นที่เมือง เนื่องจากปัญหาเรื่องความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และเสียงรบกวน นอกจากนั้น มลภาวะทางอากาศก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางการระบายอากาศตามธรรมชาติ นอกเหนือจากปัจจัยเหล่านี้แล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยลังเลที่จะใช้การระบายอากาศตามธรรมชาติก็คือ การสูญเสียพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาว ผู้อยู่อาศัยสามารถนำอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่อาคารโดยใช้การระบายอากาศแบบกลไกทางกล พร้อมทั้งลดการสูญเสียพลังงาน

รูปนี้อธิบายความแตกต่างระหว่างการระบายอากาศโดยนำพลังงานกลับมาใช้และการระบายอากาศตามธรรมชาติ การระบายอากาศตามธรรมชาติอาจทำให้มีการสูญเสียพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาว

รูปที่ 1 การเปรียบเทียบระหว่างการระบายอากาศตามธรรมชาติและการระบายอากาศโดยนำพลังงานกลับมาใช้

*ตัวกรองอากาศ (หมายเลขรุ่น AHFT035H0 ทดสอบประสิทธิภาพด้วยการทดสอบตัวกรองอากาศ ISO 16890-1:2016 โดยใช้ละออง DEHS และ KCl ที่มีสภาวะอัตราการไหลของอากาศ 0.278m/s, อุณหภูมิอากาศ 23-24 C และความชื้นสัมพัทธ์ 44-49% ผลลัพธ์ที่ได้คือ ISO ที่ ePM1 75% ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม

คำถาม 2. การระบายอากาศแบบกลไกทางกลมีกี่ประเภท

การระบายอากาศแบบกลไกทางกลมีสามประเภท ได้แก่ การระบายอากาศแบบดูดเข้า การระบายอากาศแบบดูดออก และการระบายอากาศแบบสมดุล การระบายอากาศแบบดูดเข้าสร้างการแลกเปลี่ยนอากาศเพิ่มเติมโดยใช้พัดลมดูดอากาศเข้ามาในอาคาร พัดลมดังกล่าวจะเพิ่มแรงดันอากาศภายในอาคาร ทำให้เกิดแรงเพิ่มมากขึ้นสำหรับการดันอากาศออกจากห้อง ห้องต่างๆ เช่น ห้องที่ใช้เป็นห้องไอซียูใช้การระบายอากาศแบบดูดเข้าเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากพื้นที่ใกล้เคียง การระบายอากาศแบบดูดออกจะสร้างปริมาณอากาศเพิ่มเติมโดยใช้พัดลมเพื่อเป่าอากาศออกจากห้อง พัดลมจะลดแรงดันอากาศภายในอาคาร ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงที่ดึงอากาศเข้ามาในห้อง ระดับมลภาวะไม่เท่ากันทุกที่ภายในอาคาร ในบางห้อง เช่น ห้องส้วม ใช้การระบายอากาศแบบดูดออกเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของกลิ่น ส่วนการระบายอากาศแบบสมดุลใช้พัดลมสองตัว ตัวหนึ่งดูดอากาศเข้ามาและอีกตัวดูดอากาศออกไปในปริมาณเท่ากัน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อแรงดันอากาศเฉลี่ยภายในบ้าน การระบายอากาศแบบสมดุลให้ข้อดีในการควบคุมตำแหน่งของทั้งการระบายอากาศแบบดูดออกและการระบายอากาศแบบดูดเข้า นอกจากนี้ การระบายอากาศแบบสมดุลยังช่วยให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างลมออกและลมเข้า เพื่อปรับสภาพอากาศที่เข้ามา ระบบระบายอากาศแบบสมดุล พร้อมอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน มักอยู่ในรูปแบบของ Heat-Recovery Ventilator (HRV) หรือ Energy-Recovery Ventilator (ERV)

คำถาม 3. อะไรคือความแตกต่างระหว่าง HRV และ ERV

ความแตกต่างที่สำคัญคือ HRV ถ่ายเทความร้อน ขณะที่ ERV ถ่ายเททั้งความร้อนและความชื้น ERV ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนแบบเดียวกันกับ HRV ทั้งยังมีเทคโนโลยีสำหรับการถ่ายเทความชื้นระหว่างกระแสลม ERV ใช้กระบวนการที่เรียกว่า "การถ่ายเทแบบเอนทาลปี" เพื่อแยกไอน้ำออกจากกระแสลมชื้นและเพิ่มเข้าไปในกระแสอากาศที่แห้งกว่า ในฤดูร้อน ความชื้นจะถูกดึงออกจากอากาศที่เข้ามาและถูกปล่อยเข้าสู่กระแสลมที่ส่งออก ซึ่งช่วยลดผลกระทบของความชื้นภายนอกที่มีต่อสภาพแวดล้อมภายในอาคาร ในฤดูหนาว กระบวนการนี้จะกลับกัน และจะช่วยรักษาระดับความชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศภายในอาคารแห้งเกินไป

รูปภาพเปรียบเทียบแนวคิดการแลกเปลี่ยนความร้อนของ HRV และ ERV

รูปที่ 2 แนวคิดการแลกเปลี่ยนความร้อนของ HRV เทียบกับ ERV

สิ่งที่สร้างความแตกต่างระหว่างตัวแลกเปลี่ยนความร้อนเหล่านี้คือวัสดุที่ใช้ กล่าวคือ HRV ประกอบด้วยอลูมิเนียมและโพลิโพรพิลีนเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ ERV ประกอบด้วยกระดาษและส่วนประกอบอื่นๆ ซึ่งอย่างหลังมีประสิทธิภาพสูงกว่า เนื่องจากสามารถนำความร้อนแฝงที่มักจะถูกทิ้งไปกลับคืนมา

คำถาม 4. สามารถประหยัดพลังงานได้มากแค่ไหนด้วยการใช้ ERV ขณะที่รับอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก

ERV มีกลไกการแลกเปลี่ยนความร้อนที่ช่วยประหยัดพลังงานในการทำความเย็นและการทำความร้อนระหว่างการระบายอากาศ นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนความร้อนแล้ว ERV ของ LG ยังมีฟังก์ชั่นต่างๆ (การทำความเย็นอิสระในเวลากลางคืน, การทำงานตามฤดูกาลโดยอัตโนมัติ, การหยุดทำงานชั่วคราว, การจัดการ CO2 อัตโนมัติ) ทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น การใช้ LG ERV ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าการระบายอากาศตามธรรมชาติถึง 40%

คำถาม 5. ทำไมการระบายอากาศด้วย LG ERV จึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า

ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มนุษย์พยายามออกแบบที่อยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสอดคล้องกับสภาพอากาศและลักษณะทางภูมิศาสตร์ของสภาพแวดล้อม โดยธรรมชาติแล้ว ความสะดวกสบายถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของสถาปัตยกรรม และได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสำหรับบ้านเรือนของเรา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ด้วยการจัดหาสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ปลอดภัย สะอาด และมีการระบายอากาศอย่างทั่วถึง ได้กลายเป็นเรื่องสำคัญเพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การระบายอากาศถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อมที่ถูกสุขลักษณะภายในอาคาร ผู้อยู่อาศัยในอาคารจะเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายและความปลอดภัย ซึ่งเป็นผลมาจากการระบายอากาศที่เพียงพอ ลองพิจารณาการออกแบบอาคารโดยติดตั้งระบบ
LG ERV ที่ให้อากาศบริสุทธิ์และสะอาดกว่า พร้อมทั้งประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

คำถาม 6. เป็นไปได้หรือไม่ที่จะรักษาอากาศภายในอาคารให้ดีต่อสุขภาพด้วยการใช้ ERV

LG ERV ทำหน้าที่ระบายอากาศ และส่งมอบอากาศที่ดีต่อสุขภาพให้กับพื้นที่ภายในอาคารโดยผ่านตัวกรองอากาศที่ช่วยขจัดสารอันตรายต่างๆ เช่น ฝุ่นละอองและจุลินทรีย์ในอากาศ นอกจากนี้ยังสามารถใส่ตัวกรองเพิ่มเติมเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย มีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะผลักดันการดำเนินการในส่วนนี้ และในปัจจุบัน มีการใช้ตัวกรองอากาศตามมาตรฐาน ISO สำหรับ ERV & ERV DX ผลการทดสอบตามมาตรฐาน ISO 16890-1 แสดงให้เห็นว่าตัวกรองอากาศภายนอก (OA) ที่ใช้ได้กับ ERV ในปัจจุบันนั้นเทียบเท่ากับ MERV 14 หรือ F8 สำหรับการเปรียบเทียบ

ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มนุษย์พยายามออกแบบที่อยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสอดคล้องกับสภาพอากาศและลักษณะทางภูมิศาสตร์ของสภาพแวดล้อม โดยธรรมชาติแล้ว ความสะดวกสบายถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของสถาปัตยกรรม และได้พิสูจน์แล้วว่าสามารถขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสำหรับบ้านเรือนของเรา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ด้วยการจัดหาสภาพแวดล้อมภายในอาคารที่ปลอดภัย สะอาด และมีการระบายอากาศอย่างทั่วถึง ได้กลายเป็นเรื่องสำคัญเพิ่มมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การระบายอากาศถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการรักษาสภาพแวดล้อมที่ถูกสุขลักษณะภายในอาคาร ผู้อยู่อาศัยในอาคารจะเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายและความปลอดภัย ซึ่งเป็นผลมาจากการระบายอากาศที่เพียงพอ ลองพิจารณาการออกแบบอาคารโดยติดตั้งระบบ LG ERV ที่ให้อากาศบริสุทธิ์และสะอาดกว่า พร้อมทั้งประหยัดพลังงานและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

*ผลิตภัณฑ์และโซลูชันอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศและสภาพการใช้งาน
กรุณาคลิกแบนเนอร์ 'สอบถามเพื่อสังซื้อ' ด้านล่างเพื่อติดต่อสำนักงาน LG ท้องถิ่นสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันและผลิตภัณฑ์

ภาพชายคนหนึ่งถือสมาร์ทโฟนที่มีหน้าเว็บ LG บนหน้าจอ

สอบถามเพื่อซื้อ

กรุณาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และเราจะติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด